คู่มือผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจของชุมชน

คู่มือผลิตภัณฑ์   ยาจากสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจชุมชน


ยา ตามความหมายในพระราชบัญญัติยา  พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หมายถึง
·      วัตถุที่ระบุในตำรายาที่รัฐมนตรีประกาศ  ซึ่งอาจเป็นตัวยาสมุนไพร เช่น มะขามแขก ยาดำ หญ้าหนวดแมว กวาวเครือ หรือที่เป็นตำรับยา เช่น ยาประสะไล ยาหอมนวโกศ เป็นต้น
·      วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับบำบัด บรรเทา รักษาหรือป้องกันโรค เช่น ยาแก้ไข ยาแก้ริดสีดวงทวาร ยาขับปัสสาวะ 
·      วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับก่อให้เกิดผลต่อโครงสร้างหรือการกระทำหน้าที่ของร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ เช่น ยาบำรุงร่างกาย  ยาขับระดู ยาระบาย เป็นต้น       แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงสิ่งที่เป็นอาหารของมนุษย์  เช่น ขมิ้นชันถ้ามาใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับการปรุงอาหารก็ไม่จัดเป็นยา  หรือสิ่งที่เป็นเครื่องสำอาง เช่น ยาสีฟันผสมข่อยใช้สำหรับสีฟันทำความสะอาดฟัน  ผงขมิ้นที่ใช้ทาผิวหนังสำหรับผิวสวยงาม  เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายเป็นยาที่ชุมชนผลิตกันแพร่หลายขณะนี้  อาจแบ่งได้เป็น
1.  ประเภทที่เป็น  ยาสมุนไพร  คือนำพืช สัตว์หรือ แร่ที่ยังไม่ได้มีการ ผสม ปรุงหรือแปรสภาพมาจำหน่าย โดยอาจจำหน่ายในลักษณะ
    1.1  เป็นสมุนไพรดิบที่ให้ผู้ซื้อนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำยา
          1.2   นำมาบดหยาบแล้วบรรจุในภาชนะ  หรือซองกระดาษ  เพื่อให้ผู้ซื้อนำไปชงกินแบบชา ซึ่งเรียกว่าเป็นรูปแบบ  ยาชง
2.  ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป  ซึ่งมีหลายรูปแบบแล้วแต่ความสามารถของแต่ละชุมชนซึ่งมีตั้งแต่รูปแบบยาผง  ยาลูกกลอน  ยาปั้นเป็นเม็ด ยาน้ำ  หรือบรรจุเป็นยาแคปซูล
        ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้ผลิตจากหน่วยราชการหลายหน่วย ในชุมชนท้องถิ่นต่างๆกัน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในชุมชนให้เกิดเป็นประโยชน์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง  แต่ปรากฏว่าชุมชนยังขาดความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านกฎระเบียบตามกฎหมาย และขาดวิชาการในการผลิตยาที่ดีพอจึงพบปัญหาในการผลิตยาจากสมุนไพรในระดับชุมชนในหลายด้าน ได้แก่
1.วัตถุดิบ
·      ขาดความรู้ในการเก็บสมุนไพร การทำให้แห้ง การเก็บรักษาวัตถุดิบ ทำให้สมุนไพรมีการปนเปื้อน ทั้งสิ่งสกปรกและเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้สมุนไพรเสีย ขึ้นราหรือเสื่อมคุณสมบัติก่อนเวลาอันควร
·      ไม่มีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานของสมุนไพร ทำให้ไม่มีความสม่ำเสมอของคุณภาพของสมุนไพร
2. มาตรฐานของยาสำเร็จรูป
·      ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มักมีคุณภาพไม่คงที่เพราะขาดความรู้ในหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตยา  และขั้นตอนในการทำยาไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
3. สถานที่ผลิตยา
·      ผู้ผลิตมักไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
·      สถานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้มีโอกาสปนเปื้อนมาก
·      อุปกรณ์ที่จำเป็นในการผลิตไม่มีเพียงพอและไม่ถูกต้องเหมาะสม
4.การแสดงฉลาก
·      ผลิตภัณฑ์ที่ทำจำหน่ายมักมีการแสดงสรรพคุณต่างๆของสมุนไพรที่เกินความจริงและไม่ถูกต้องอันจะทำให้ผู้บริโภคใช้ยาในทางที่ผิดและเกิดอันตรายได้
หนังสือคู่มือการผลิตยาเพื่อเศรษฐกิจชุมชนนี้  จึงมีความมุ่งหมายที่จะให้ความรู้เบื้องต้นต่อผู้ผลิตยาในชุมชน และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการที่เป็นพี่เลี้ยงและมีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งเสริมพัฒนาชุมชน ให้ทราบถึงขอบเขตและการดำเนินการที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักวิชาการในการผลิตยาจากสมุนไพรที่ถูกต้อง และทราบถึงข้อกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับยาที่จะต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้ได้ยาที่ดีมีคุณภาพมาตราฐานเนื้อหาภายในเล่ม  แบ่งเป็น 7 บทคือ
1.           ผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจชุมชน
2.           ข้อควรคำนึง  และขั้นตอนที่ต้องดำเนินการเมื่อต้องการผลิตยาจากสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจชุมชน
3.           องค์ประกอบในการผลิตยาจากสมุนไพรให้มีคุณภาพ
4.           การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบมาตรฐานการผลิตยาจากสมุนไพร
5.           การขออนุญาตผลิตยา
6.           การขอขึ้นทะเบียนตำรับยา
7.           การขออนุญาตโฆษณายา
1. ความหมายของ สมุนไพร และคำที่เกี่ยวข้อง
     คำว่า “สมุนไพร” “สมุนไพรแปรรูป” เป็นคำที่เรียกใช้กันทั่วไปในยุคที่สมุนไพรกำลังได้รับความนิยม และชุมชนมีการผลิตภัณฑ์จาก”สมุนไพร”นานาชนิดและหลายรูปแบบออกมาวางจำหน่ายอย่างกว้างขวาง เนื่องจากยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความหมาย และความแตกต่างของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แม้ว่าบางคำจะได้รับการบัญญัติไว้ตามกฎหมายแล้วก็ตาม จึงขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำที่ใช้ตามหนังสือคู่มือ ดังนี้
1.        สมุนไพร หมายถึง พืชหรือส่วนของพืชสมุนไพรที่ยังไม่ได้แปรรูป ซึ่งอาจอยู่ในสภาพสมุนไพรสด หรือแห้ง ที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ ทั้งที่ใช้เป็นอาหาร เช่น ผักพื้นบ้าน อาหารสมุนไพรต่างๆ ใช้เป็นยา เช่นใบมะขามแขกใช้กินเป็นยาระบายหรือใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น ผลมะกรูดใช้สระผม ตะไคร้หอมใช้ไล่ยุงเป็นต้น
    ในตลาดท้องถิ่น เรายังเห็นสมุนไพรมัดๆท่อนๆหรือหั่นเป็นชิ้น ใส่ห่อนำมาจำหน่าย แล้วโฆษณาสรรพคุณทางยาที่เกินจริงแบบครอบจักวาล ประชาชนสามารถนำสมุนไพรมาวางขายได้ทั่วไป (ยกเว้นสมุนไพรต้องห้าม เช่น กระท่อม ฝิ่น กัญชา ) แต่ต้องไม่โฆษณาสรรพคุณทางยา หากต้องการผลิตและจำหน่ายสมุนไพรที่ไม่แปรรูป เป็นยาสมุนไพรเช่น ใบมะขามแขกแห้งบรรจุถุงจำหน่าย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด (ดูรายละเอียดข้อกำหนดในหัวข้อยาสมุนไพร)
2.           สมุนไพรแปรรูป  หมายถึง ส่วนของพืชสมุนไพร ที่นำมาผสม ปรุง หรือแปรสภาพอื่นๆ เช่น บดละเอียด สกัด จนไม่เห็นรูปแบบเดิมธรรมชาติ เพื่อใช้เป็น
2.1 อาหาร ส่วนใหญ่มักแปรรูปเป็น เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร เครื่องดื่มผงสำเร็จรูปสมุนไพร หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ชาสมุนไพร หรือ ชาชงสมุนไพร แต่ในทางกฎหมายคำว่า ชา จะหมายถึง ใบชาเท่านั้น เช่นใบชาจีนใบชาฝรั่ง เป็นต้น
    เครื่องดื่มผงสำเร็จรูปสมุนไพรที่ชุมชนผลิตวางจำหน่ายมักระบุสรรพคุณทางยาบนฉลากของผลิตภัณฑ์ ในทางกฎหมายถือว่าไม่ถูกต้องเพราะไม่ใช่ยา และถ้าหากต้องการแสดงกรอบข้อมูลโภชนาการตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องฉลากโภชนาการด้วย โดยต้องยื่นขออนุญาต และส่งตัวอย่างตรวจวิเคราะห์
      นอกจากนี้ยังยังมีการแปรรูปสมุนไพรเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในรูปของแคปซูล ซึ่งกฎหมายจัดให้เป็น อาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษที่ต้องขออนุญาตผลิต กรณีที่เป็นโรงงานและขออนุญาตใช้ฉลากอาหาร เช่น กระเทียมแคปซูลสารสกัดจากผลส้มแขกเป็นต้น
       ส่วนอาหารแปรรูปจากสมุนไพรอื่นๆเช่น แยมจากกระเจี๊ยบแดง( ซึ่งจัดเป็นอาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ต้องยื่นขอจดทะเบียนอาหาร เพื่อรับเลขสารบนอาหาร) สำหรับขิงดองบท  น้ำพริกข่า ถือว่าเป็นอาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันทีให้ยื่นแจ้งรายละเอียดของอาหาร และแสดงฉลากอาหารให้ถูกต้อง
2.2 ยา เป็นการนำเอาสมุนไพรมาแปรรูปเพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นยารักษาโรค อาจจำแนกเป็น ยาจากสมุนไพรสูตรเดี่ยวและยาจากสมุนไพรต้นตำรับ
2.3 ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอื่นๆ  เช่น แชมพูผสมสมุนไพร สบู่เหลวผสมสมุนไพร โดยนำสมุนไพรมาแปรรูปและใช้เป็นส่วนผสมกับส่วนประกอบทางเคมีหรืออื่นๆในผลิตภัณฑ์นั้นๆ



2 ความคิดเห็น: